Privacy Policy

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ตระหนักดีถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ที่ใช้บริการต่าง ๆ ของบริษัท (“ท่าน”) มาโดยตลอด บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า (“นโยบาย”) และเลือกใช้เทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัยสำหรับการจัดเก็บและรักษาข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทกำหนดให้เฉพาะเจ้าหน้าที่ของบริษัท หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน นอกจากนี้ บริษัทยังจัดให้มีระบบการตรวจสอบการเข้าถึงและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ตลอดจนจัดให้มีการปรับปรุงและพัฒนาระบบการจัดเก็บและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสม่ำเสมอเพื่อทำให้ระบบมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้องเชื่อถือได้ และมีความปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล หรือการแก้ไขส่วนบุคคลโดยผู้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง หรือการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

นโยบาย ฉบับนี้ อธิบายถึงประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเก็บรวบรวม การเก็บรวบรวม และการได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมเพื่อนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือเปิดเผย สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และระยะเวลาในการเก็บรวบรวมไว้ ตลอดจนข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท นโยบายฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานบริการต่างๆ ของบริษัท และบริษัทอาจแก้ไข ปรับปรุง เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง นโยบายฉบับนี้โดยอาจไม่ได้แจ้งหรือบอกกล่าวให้ท่านทราบล่วงหน้า ดังนั้นท่านจึงควรติดตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่กำหนดไว้นี้อย่างสม่ำเสมอ และในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเราจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า และขอความยินยอมจากท่านตามที่กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่จะมีการเก็บรวบรวม

    บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลใดๆ ของท่านซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท โดยการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท คุกกี้ ข้อมูลการทำรายการ และประสบการณ์การใช้งานผ่านหน้าเว็บไซต์ หรือที่ท่านได้อนุญาตให้บริษัทได้เข้าถึง (“ข้อมูลส่วนบุคคล”) โดยรวมถึงข้อมูลดังต่อไปนี้ด้วย

    • ก. ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ เช่น ชื่อ นามสกุล วันเกิด หมายเลขบัตรประชาชน ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล รูปถ่ายบัตรประชาชน (ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง) หมายเลขเลเซอร์ด้านหลังบัตรประชาชน รูปถ่าย เลขหนังสือเดินทาง รวมทั้งข้อมูลส่วนตัวอื่นใดที่สามารถใช้ระบุตัวตนของท่านได้
    • ข. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน เช่น เชื้อชาติ ศาสนา ข้อมูลสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลชีวภาพซึ่งรวมถึงใบหน้า ลายนิ้วมือ รูม่านตา
    • ค. ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะทางการเงิน รายได้ การใช้จ่าย การชำระหนี้ พฤติกรรมการบริโภค ข้อมูลผู้ใช้งาน ข้อมูลการใช้งาน ตำแหน่งที่มีการใช้งานบริการของบริษัท ข้อมูลการติดต่ออื่นๆ ข้อมูลบัญชีต่างๆ ข้อมูลการทำธุรกรรม และ/หรือความสนใจของท่านเมื่อประกอบกับข้อมูลอื่นอันทำให้สามารถระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้
    • ง. ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการใช้งานผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึง กล้องวงจรปิด ระบบการเข้าออกอาคาร และข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์

    ในกรณีที่ท่านเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านใดเป็นผู้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ และ/หรือ บุคคลไร้ความสามารถ การให้ความยินยอมของท่านต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่ ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาล (แล้วแต่กรณี) ด้วย หากผู้จะให้ความยินยอมนั้นเป็นผู้เยาว์ที่อายุไม่เกิน 10 ปี ต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองนั้นโดยตรง และหากบริษัทพบว่ามีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอมตามที่กฎหมายกำหนด บริษัทจะดำเนินการลบข้อมูลดังกล่าว เว้นแต่ บริษัทมีสิทธิตามกฎหมายในการเก็บรวบรวมใช้ และ เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

  2. การเก็บรวบรวม และการได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

    บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านโดยตรง และ/หรือจากแหล่งข้อมูลอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลโดยตรง เช่น ข้อมูลที่เผยสู่สารธารณะ ผู้ให้บริการภายนอก นายทะเบียนหลักทรัพย์ เป็นต้น ทั้งนี้ ข้อมูลที่ได้รับมาจากแหล่งอื่นจะได้รับการตรวจสอบหรือรับรองแล้วว่าสามารถนำมาใช้ได้ตามวัตถุประสงค์ของนโยบายฉบับนี้

    บริษัทอาจเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจ และ/หรือความชอบของท่าน และ/หรือข้อมูลการเข้าใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ ของท่านด้วยการใช้คุกกี้ในเว็บไซด์ และแอปพลิเคชันของบริษัท โดยคุกกี้ที่อยู่ในเว็บไซด์ และแอปพลิเคชันของบริษัทจะเก็บข้อมูลของท่านไว้ และบริษัทจะสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้ ทั้งนี้ เพื่อให้บริษัทสามารถนำเสนอบริการที่ตรงกับความต้องการของท่านให้ได้มากที่สุด นอกจากนี้ เมื่อท่านดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันของบริษัทในบริษัทไว้ในมือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดของท่าน บริษัทอาจเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่ท่านมีไว้เพื่อใช้

    ในการติดต่อระหว่างท่านกับบริษัท ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ อีเมล แอปพลิเคชันของบริษัท แอปพลิเคชันที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร สายตรงบริการลูกค้าสัมพันธ์ หรือการติดต่อโดยวิธีการอื่นใด บริษัทอาจดำเนินการบันทึกข้อมูลการติดต่อสื่อสารเหล่านั้นเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ที่จำเป็น เช่น เพื่อใช้เป็นหลักฐาน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงบริการ เพื่อติดตามความพึงพอใจของท่าน เพื่ออบรมบุคลากร เพื่อประเมินผลงานบุคลากร เพื่อวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงเพื่อพัฒนาระบบของบริษัท เป็นต้น

  3. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

    วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล โอน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อเป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อใช้เป็นหลักฐาน เพื่อจัดทำฐานข้อมูลและใช้ข้อมูลลูกค้า เพื่อพัฒนาและปรับปรุงสินค้าและบริการ เพื่อจัดทำฐานข้อมูลและใช้ข้อมูลลูกค้า เพื่อเสนอสิทธิประโยชน์ตามความสนใจของท่าน เพื่อติดตามความสนใจของท่าน เพื่อประโยชน์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัทและได้ทำการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไว้เป็นความลับ เพื่ออบรมบุคลากร เพื่อประเมินผลงานบุคลากร เพื่อพัฒนาระบบของบริษัท หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบ เพื่อขอความยินยอม และจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ บริษัทจะไม่กระทำการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อประโยชน์อย่างอื่น ที่นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้กับท่านไว้ก่อนหรือขณะเก็บรวบรวม

    บริษัทจะดูแลให้พนักงานที่ได้รับมอบหมายในเรื่องนี้โดยเฉพาะ มิให้ ใช้ หรือเปิดเผย แสดง หรือทำให้ปรากฏในลักษณะอื่นใดซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอม หรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ ในกรณีที่บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอก บุคคลหรือนิติบุคคลภายนอกนั้นจะต้องแจ้งวัตถุประสงค์ในการ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บริษัททราบก่อน และต้องไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้ให้ไว้แก่บริษัท

    บริษัทขอสงวนสิทธิในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในการเปิดเผยข้อมูลดังต่อไปนี้

    • ก. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน และปฏิบัติครบถ้วนตามกระบวนการที่กฎหมายนั้นบัญญัติ
    • ข. การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จําเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อ ชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพอนามัยของท่าน
    • ค. การส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้คณะกรรมการหรือสํานักงาน เมื่อได้รับการร้องขอจากคณะกรรมการและสำนักงาน เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานกำกับดูแลการประกอบกิจการตามกฎหมาย
    • ง. การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้ให้บริการต่างๆ ที่ให้บริการแก่บริษัท ซึ่งรวมถึงหน่วยงานราชการที่บริษัทขอใช้บริการด้วย เช่น ผู้ให้บริการต่างๆ ที่ระบุไว้ด้านล่างนี้ โดยผู้ให้บริการดังกล่าวจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้เท่าที่บริษัทอนุญาตให้ใช้ และต้องสอดคล้องกับนโยบายฉบับนี้ โดยการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นการเปิดเผยเพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ที่ปรึกษาวิชาชีพต่างๆ เช่น ที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ปรึกษากฎหมาย ผู้สอบบัญชี ตัวแทนรับชำระเงิน สถาบันการเงิน เป็นต้น
  4. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

    สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่บริษัทกำหนดไว้ก่อนหรือในขณะหรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น โดยท่านสามารถติดต่อบริษัท เพื่อขอใช้สิทธิของท่านดังนี้ โดยแจ้งให้บริษัททราบเป็นลายลักษ์อักษรไปยังบริษัท หรือผ่านทาง TOA Call Center ติดต่อ 02-335-5777

    บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ตามความสามารถของระบบงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวก และดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน เว้นแต่การดำเนินการตามคำร้องขอนั้น มีความเสี่ยงต่อการละเมิดนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานรายอื่น หรือเป็นการขัดต่อกฎหมาย หรือนโยบายความปลอดภัยของระบบ หรือกรณีที่เป็นการพ้นวิสัยในทางปฏิบัติตามคำร้องขอของผู้ลงทะเบียน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีการร้องขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากระบบนั้น ข้อมูลดังกล่าวอาจจะยังคงได้รับการบันทึกหรือทำสำเนาไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือระบบสำรอง (Backup System) เพื่อเป็นการสำรองข้อมูลในกรณีที่เกิดความผิดพลาด บกพร่อง หรือเกิดจากความขัดข้องของระบบ หรือในกรณีที่เกิดจากการการกระทำใดๆ ที่มีจุดประสงค์มุ่งร้ายต่อบุคคลหรือซอฟต์แวร์อื่น ตลอดจนเพื่อเก็บเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมายที่ใช้บังคับ

  5. ระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

    บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาขั้นต่ำที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดเอาไว้ โดยปัจจุบัน บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี ภายหลังจากที่บริษัทสิ้นสุดความสัมพันธ์กับท่านในฐานะลูกค้าหรือสิ้นสุดกิจกรรมหนึ่งๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจยังคงจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปหลังจากสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว หากบริษัทเห็นว่าบริษัทยังมีความจำเป็นในการจัดเก็บข้อมูลของท่านเพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ของนโยบายฉบับนี้ หรือเพื่อความจำเป็นอื่นใดที่บริษัทเห็นสมควร เช่น การบังคับสิทธิตามกฎหมายหรือตามสัญญาของบริษัท เป็นต้น

  6. วิธีการติดต่อบริษัท

    หากท่านประสงค์จะติดต่อบริษัท เพื่อใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือหากท่านมีข้อสงสัยอื่นใดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้

    ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ: นันทารักษ์ ช่วยพิทักษ์ (เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล)
    เบอร์โทรศัพท์: 02-335-5777 ต่อ 1519
    E-mail: contact@toagroup.com

    ที่อยู่สำหรับติดต่อทางไปรษณีย์:
    สำนักงาน และศูนย์อุตสาหกรรม ทีโอเอ บางนา-ตราด 31/2 หมู่ 3 ถนนบางนา-ตราด ตำบลบางเสาธง อำเภอ บางเสาธง จังหวัด สมุทรปราการ 10570