แล็กเกอร์ทาไม้มีประโยชน์อย่างไร เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน แล็กเกอร์ทาไม้มีประโยชน์อย่างไร เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

แล็กเกอร์ทาไม้มีประโยชน์อย่างไร เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

ในโลกแห่งงานไม้ และเฟอร์นิเจอร์ที่หลากหลาย การป้องกัน และการดูแลรักษาไม้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับการออกแบบ และหนึ่งในวิธีการที่ช่วยให้ไม้มีอายุการใช้งานที่ยืนยาว และคงความสวยงามได้ดี ก็คือการใช้ 'แล็กเกอร์' ในการทาไม้ บทความนี้ TOA จะพาคุณไปรู้จักว่า แล็กเกอร์คืออะไร รวมไปถึงประโยชน์ของแล็กเกอร์ทาไม้ วิธีการเลือกแล็กเกอร์ให้เหมาะสมกับงานไม้ที่คุณมี พร้อมเทคนิคต่างๆ ในการทาแล็กเกอร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด



แล็กเกอร์ คืออะไร?

แล็กเกอร์ คืออะไร?

แล็กเกอร์เป็นสารเคลือบที่ใช้สำหรับการปกป้องและการตกแต่งผิวของไม้ ซึ่งโดยทั่วไป แล็กเกอร์ จะมีทั้งแบบที่อาศัยตัวทำละลายและแบบที่ไม่ใช้ตัวทำละลาย แล็กเกอร์ทำหน้าที่เป็นชั้นป้องกันที่ยืดหยุ่น แข็งแรง และสามารถทนต่อการเสียดสีได้ดี หลังจากที่ทาแล็กเกอร์ลงบนผิวไม้ เมื่อแห้งแล้วแล็กเกอร์จะเกิดเป็นชั้นฟิล์มที่มีความเงางาม ช่วยปกป้องไม้จากความชื้น แสงแดด และการขีดข่วนต่างๆ
ในตลาดมีแล็กเกอร์หลายชนิด แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์กับการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้น มารู้จักประเภทของแล็กเกอร์กัน

ประเภทของแล็กเกอร์

อย่างที่รู้ไปแล้วว่าแล็กเกอร์ช่วยเคลือบทาผิวไม้ เพื่อให้เกิดความเงางาม แถมยังสามารถกันน้ำ กันเชื้อรา และช่วยป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนบนผิวไม้ ซึ่งแล็กเกอร์ที่ใช้นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทคือ แล็กเกอร์ชนิดเงา และชนิดด้าน

แล็กเกอร์ชนิดเงา

แล็กเกอร์ชนิดเงา

แล็กเกอร์ชนิดเงา จะมีฟิล์มสีเหลืองใส เป็นแล็กเกอร์ที่ใช้สำหรับเคลือบไม้ให้ขึ้นเงาสวย มีความมันวาว เหมาะสำหรับงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ภายในบ้านหรืออาคารที่ต้องการโชว์ลวดลาย และความสวยงามของเนื้อไม้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ และเตียง เป็นต้น สำหรับ TOA เองก็มีผลิตภัณฑ์ ทีโอเอ แล็กเกอร์ ชนิดเงา T-5000 เป็นแล็กเกอร์ทาไม้ชนิดเงา มีปริมาณเนื้อสีมาก และมีความเข้มข้นสูง ทำให้ใช้งานได้พื้นที่มาก คุ้มค่ากับการใช้จ่าย เมื่อทาแล้วจะช่วยเพิ่มความเงางามของเนื้อไม้บนเฟอร์นิเจอร์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ฟิล์มสีของแล็กเกอร์มีความโปร่งแสง ช่วยให้เห็นลายไม้ชัดเจน มีความเงางาม ทาแล้วแห้งไว ที่สำคัญยังยึดเกาะได้ดีทั้งบนไม้จริงและไม้อัดมีลายแบบต่างๆ

แล็กเกอร์ชนิดด้าน

แล็กเกอร์ชนิดด้าน

แล็กเกอร์ชนิดด้านนั้น เมื่อใช้เคลือบเฟอร์นิเจอร์แล้ว จะช่วยให้ผิวไม้มีความละมุนดูเรียบเนียน ซึ่ง TOA ก็มีผลิตภัณฑ์แล็กเกอร์ชนิดด้านอยู่ในผลิตภัณฑ์สีงานไม้ในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ชื่อว่า ทีโอเอ แล็กเกอร์ ชนิดด้าน T-5500 เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสีมาก เมื่อผสมทินเนอร์แล้วสามารถใช้งานได้พื้นที่มาก พ่นหรือทาแล้วขึ้นฟิล์มไว ให้ฟิล์มที่มีลักษณะด้าน ดูเรียบเนียน แห้งเร็ว เหมาะสำหรับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านหรืออาคาร ที่สำคัญยังยึดเกาะได้ดีทั้งบนไม้จริงและไม้อัดมีลายแบบต่างๆ เช่นเดียวกันกับแล็กเกอร์ชนิดเงา

เลือกแล็กเกอร์อย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

เลือกแล็กเกอร์อย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

การเลือกแล็กเกอร์ที่เหมาะสมกับงานเคลือบไม้นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของประเภทของไม้  สภาพแวดล้อมที่จะนำไปใช้งาน และผลลัพธ์ที่คุณต้องการให้เกิดขึ้นกับผิวไม้ เราจะมาดูกันว่าควรพิจารณาอะไรบ้างเมื่อเลือกแล็กเกอร์ทาไม้:

พิจารณาประเภทของไม้

ไม้แต่ละชนิดมีลักษณะที่ต่างกัน ไม้บางชนิดอาจดูดซึมแล็กเกอร์ได้ดีกว่าไม้ชนิดอื่น ดังนั้น ควรเลือกแล็กเกอร์ที่เข้ากันได้ดีกับประเภทของไม้ ตัวอย่างเช่น ไม้สัก หรือไม้มะค่าที่มีน้ำมันธรรมชาติ อาจต้องการแล็กเกอร์ที่มีส่วนผสมที่สามารถทะลุผ่านน้ำมันเหล่านั้นได้

สภาพแวดล้อมที่จะใช้งาน

สภาพแวดล้อมภายนอกที่รุนแรง อย่างเช่น แสงแดดจัดหรือความชื้นสูง ต้องการแล็กเกอร์ที่มีคุณสมบัติทนทานมากขึ้นเพื่อปกป้องไม้ ในขณะที่งานภายในบ้านอาจใช้แล็กเกอร์ที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่อ่อนโยนกว่า

ผลลัพธ์ที่ต้องการ

แล็กเกอร์มีทั้งแบบที่ให้ผิวเงา และแบบที่ให้ผิวด้าน คุณต้องการให้ผลิตภัณฑ์ไม้ของคุณดูเงางาม หรือต้องการให้มีลักษณะธรรมชาติมากขึ้น? การตัดสินใจนี้จะช่วยในการเลือกแล็กเกอร์ที่เหมาะสม

แบรนด์และคุณภาพ

การเลือกแบรนด์ และคุณภาพของแล็กเกอร์ก็มีความสำคัญไม่น้อย แบรนด์ที่ได้รับความน่าเชื่อถือ และมีรีวิวที่ดีจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้นั้นจะให้ผลลัพธ์ที่ดี


ขั้นตอนการใช้แล็กเกอร์ทาไม้

ขั้นตอนการใช้แล็กเกอร์ทาไม้

การใช้แล็กเกอร์ทาไม้ เป็นกระบวนการที่ต้องใส่ใจในทุกรายละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ขั้นตอนต่างๆ ดังต่อไปนี้จะช่วยให้การทาแล็กเกอร์ของคุณเป็นไปอย่างสวยงาม และมีคุณภาพ:

1. การเตรียมผิวไม้

ก่อนการทาแล็กเกอร์ ควรเตรียมผิวไม้ให้เรียบเนียน และทำความสะอาดผิวไม้จากฝุ่น หรือสิ่งสกปรกใดๆ การใช้กระดาษทรายที่มีความละเอียดสูงในขั้นตอนสุดท้ายก่อนการทาแล็กเกอร์ จะช่วยให้ผิวไม้มีความละเอียด และพร้อมทาแล็กเกอร์ได้ดีขึ้น

การเตรียมพื้นผิวไม้เก่า

  1. การขัดพื้นผิวไม้เก่า: ขัดสีเก่า หรือวัสดุเคลือบผิวที่เสื่อมสภาพออกให้หมด เพื่อให้พื้นผิวที่จะทาแล็กเกอร์ใหม่นั้นสะอาด และไม่มีส่วนที่หลุดลอก หรือบิ่น
  2. ทำความสะอาดพื้นผิว: หลังจากขัดพื้นผิวเรียบร้อยแล้ว ให้ทำความสะอาดพื้นผิวให้ปราศจากสิ่งสกปรก คราบน้ำมัน คราบเกลือ สีเก่า และสารปนเปื้อนอื่นๆ เพื่อให้พื้นผิวพร้อมสำหรับการทาแล็กเกอร์ใหม่

การเตรียมพื้นผิวไม้ใหม่

  1. การขัดพื้นผิวไม้ใหม่: ใช้กระดาษทรายขัดแห้งขนาดเบอร์ 240 – 320 ขัดแต่งพื้นผิวไม้ใหม่จนเรียบสวย เพื่อให้แล็กเกอร์ยึดเกาะได้ดีขึ้น
  2. อุดโป๊วรอยแตกและตำหนิ: หากพบรอยแตก หรือตำหนิบนไม้ รวมถึงหัวตะปู ให้ทำการอุด และแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนการทาแล็กเกอร์
  3. ขัดพื้นผิวอีกครั้ง: หลังจากการอุดโป๊ว และแก้ไขตำหนิเรียบร้อยแล้ว ให้ขัดแต่งด้วยกระดาษทรายอีกครั้ง เพื่อให้ได้พื้นผิวที่เรียบเนียนสม่ำเสมอ
  4. ทำความสะอาดพื้นผิว: เช็ดทำความสะอาดพื้นผิวให้ปราศจากสิ่งสกปรก คราบน้ำมัน คราบเกลือ และสารปนเปื้อนอื่นๆ เพื่อให้พื้นผิวพร้อมสำหรับการทาแล็กเกอร์

การเตรียมพื้นผิวที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญในการทาแล็กเกอร์ ที่จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด และยืดอายุการใช้งานของพื้นผิวไม้ให้ยาวนานขึ้น

2. การใช้สีรองพื้นไม้

การใช้สีรองพื้นไม้ หรือไพรเมอร์ เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเตรียมพื้นผิวไม้ให้พร้อมสำหรับการทาแล็กเกอร์ และยังช่วยให้แล็กเกอร์ยึดเกาะได้ดีขึ้น สำหรับผลิตภัณฑ์ที่แนะนำคือ “ทีโอเอ สีรองพื้นปรับระนาบผิวและอุดเสี้ยนไม้” รุ่น T-5555 ซึ่งเป็นสีรองพื้นที่ออกแบบมาเพื่ออุดเสี้ยนไม้และปรับระดับผิวไม้ให้เรียบเนียน พร้อมทั้งเตรียมพื้นผิวสำหรับการทาสีทับหน้าต่อไป

ขั้นตอนการใช้สีรองพื้นนี้มีดังนี้:

1. การทาหรือพ่นรองพื้นเที่ยวแรก 

ใช้แปรง หรืออุปกรณ์พ่นสีทาหรือพ่น “ทีโอเอ สีรองพื้นปรับระนาบผิวและอุดเสี้ยนไม้” รุ่น T-5555 เที่ยวแรกลงบนพื้นผิวไม้ที่ได้รับการเตรียมไว้แล้ว ให้แน่ใจว่ารองพื้นถูกทา หรือพ่นให้ทั่วทุกพื้นที่ และควรทา หรือพ่นให้เท่ากันทั้งหมด

 2. การทิ้งให้แห้ง 

หลังจากทา หรือพ่น ทีโอเอ แล็กเกอร์ แซนดิ้ง ซีลเลอร์  สีรองพื้นปรับระนาบผิว และอุดเสี้ยนไม้รุ่น T-5555 เที่ยวแรก แนะนำให้ทิ้งให้แห้งอย่างน้อย 20 นาที ก่อนพ่น หรือทาเที่ยวต่อไป

 3. การทาหรือพ่นรองพื้นเที่ยวที่สอง 

เมื่อ ทีโอเอ แล็กเกอร์ แซนดิ้ง ซีลเลอร์ เที่ยวแรกแห้งดีแล้ว ให้ทำการทา หรือพ่นเที่ยวที่สอง โดยใช้วิธีเดียวกับเที่ยวแรก การทา หรือพ่นสองเที่ยวจะช่วยเพิ่มการยึดเกาะ และความทนทานของแล็กเกอร์ที่จะทาตามมา

การทาแล็กเกอร์ชั้นแรก

3. การทาแล็กเกอร์ชั้นแรก

ใช้แปรง หรือโรลเลอร์ในการทาแล็กเกอร์ชั้นแรกอย่างระมัดระวัง ทาให้ทั่วทุกพื้นที่โดยไม่ให้มีฟองอากาศ หรือรอยทาที่ไม่เรียบเนียน หลังจากทาชั้นแรกเสร็จ ให้ทิ้งไว้ให้แห้งสนิทตามเวลาที่กำหนดบนฉลากผลิตภัณฑ์ เช่น หากทา หรือพ่นด้วย ทีโอเอ แล็กเกอร์ ชนิดเงา # T-5000 ให้ทาอย่างน้อย 2 เที่ยว (ทิ้งให้แห้งอย่างน้อย 30 นาทีก่อนทา หรือพ่นทับเที่ยวต่อไป)

4. การขัดผิวหลังทาแล็กเกอร์

เมื่อแล็กเกอร์ชั้นแรกแห้งสนิทแล้ว ให้ใช้กระดาษทรายทีโอเอ ดีเอสซี #320 – 400 ขัดผิวไม้อีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าผิวไม้เรียบเนียน และแล็กเกอร์ชั้นต่อไปจะยึดเกาะได้ดีขึ้น 

5. การทาแล็กเกอร์ชั้นต่อไป

ทาแล็กเกอร์ชั้นต่อไปโดยใช้เทคนิคเดียวกันกับชั้นแรก อาจจะต้องทาหลายชั้นขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยให้ระยะเวลาให้แล็กเกอร์แห้งสนิทระหว่างชั้น (ทิ้งให้แห้งอย่างน้อย 30 นาที ก่อนทา หรือพ่นทับเที่ยวต่อไป)

6. การตรวจสอบและทำความสะอาดผิวไม้

หลังจากที่แล็กเกอร์ชั้นสุดท้ายแห้งสนิทแล้ว ตรวจสอบผิวไม้อีกครั้งสำหรับรอยขีดข่วน หรือปัญหาอื่นๆ หากมีรอยขีดข่วน อาจจำเป็นต้องทาชั้นใหม่ หรือขัดผิวไม้ในส่วนที่มีปัญหาก่อนที่จะทาชั้นใหม่

การทาแล็กเกอร์ทาไม้อาจต้องใช้ความอดทน และความพยายาม แต่ถ้าหากทำตามขั้นตอนอย่างระมัดระวัง ผลลัพธ์ที่ได้จะคุ้มค่ากับเวลา และความพยายามที่ลงไปอย่างแน่นอน

การผสมแล็กเกอร์กับทินเนอร์

แล็กเกอร์เป็นสารเคลือบผิวที่มีความข้นแต่ระเหยและแห้งได้ไว หากนำไปใช้งานทันทีจะทำให้ทายากเกิดรอยแปรงได้ง่าย เวลาจะนำมาใช้งานจึงต้องผสมกับทินเนอร์งานไม้เพื่อเจือจางก่อน จะช่วยให้ทาได้ง่ายและแล็กเกอร์จะซึมลงในผิวไม้ได้ดียิ่งขึ้น โดยชนิดของทินเนอร์สำหรับเจือจางแล็กเกอร์เคลือบไม้นั้น ควรใช้ TOA แลกเกอร์ทินเนอร์ เบอร์ 71 ที่ใช้และอัตราส่วนผสมดูได้ที่ฉลากข้างผลิตภัณฑ์


การทาหรือพ่นแล็กเกอร์

การทาหรือพ่นแล็กเกอร์

แล็กเกอร์นั้นสามารถใช้ได้ทั้งแบบทาและแบบพ่น โดยจะแตกต่างกันตามนี้

  • การเคลือบแล็กเกอร์ด้วยการทา ควรใช้คู่กับแปรงขนสัตว์ เพื่อให้ได้พื้นผิวที่สม่ำเสมอ และควรระมัดระวังขนแปรงหลุดไปติดกับชิ้นงาน
  • การเคลือบแล็กเกอร์ด้วยการพ่น ควรพ่นให้ห่างจากผิวไม้ประมาณ 1 ฟุต ลากปืนพ่นให้สม่ำเสมอ ถ้าพ่นใกล้เกินไปจะทำให้เกิดการไหลย้อยได้ง่าย แต่ก็ไม่ควรห่างจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดละอองฝุ่นไปติดที่ผิวชิ้นงานได้ 

คำแนะนำเพิ่มเติม คือ ให้ทดลองทากับเศษไม้ก่อน จะได้กะน้ำหนักมือได้ถูกต้องก่อนทาเฟอร์นิเจอร์จริง โดยหลังจากที่ทาชิ้นงานเฟอร์นิเจอร์เสร็จแล้ว ควรทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที ก่อนจะลงแล็กเกอร์เที่ยวถัดไป เพราะไม้แต่ละชนิดมีการดูดสีไม่เท่ากัน และสำหรับส่วนที่เป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตามร่องตามขอบ สามารถใช้พู่กันเก็บงานอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความสม่ำเสมอ และสวยงามมากยิ่งขึ้น

ข้อควรระวังในการใช้งานแล็กเกอร์

การใช้งานแล็กเกอร์จำเป็นต้องใช้ทินเนอร์ (Thinner) ที่มีกลิ่นแรงในการเจือจาง เมื่อสูดดมเป็นเวลานานอาจทำให้เวียนหัวหรือรู้สึกระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจได้ ดังนั้นขณะใช้งานควรสวมใส่หน้ากากและถุงมือตลอดเวลา นอกจากนี้ทินเนอร์ยังเป็นวัตถุไวไฟ ขณะที่ใช้งานควรอยู่ห่างเปลวไฟ และอยู่ในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ควรศึกษาวิธีการใช้งานและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่อยู่ข้างกระป๋องอย่างละเอียด และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

การเก็บรักษา

  • สภาวะการเก็บรักษา: จัดเก็บสินค้าในที่แห้ง มีอากาศถ่ายเทดี ปิดฝาให้สนิท และให้แน่นตลอดเวลา ไม่ควรเก็บในที่ร้อน และไม่ให้ถูกแสงแดดโดยตรง
  • อายุผลิตภัณฑ์: 2 ปี (นับจากวันที่ผลิต)

แล็กเกอร์เคลือบได้แค่ไม้จริงหรือไม่?

แล็กเกอร์เคลือบได้แค่ไม้จริงหรือไม่?

แล็กเกอร์เป็นสารเคลือบผิวที่มีความหลากหลายในการใช้งาน ไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะกับการเคลือบไม้เท่านั้น โดยมีคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับการเคลือบผิววัสดุหลายชนิด ดังนี้

แล็กเกอร์เคลือบเหล็ก

แล็กเกอร์ที่ใช้สำหรับเคลือบเหล็กจะมีส่วนผสม หรือคุณสมบัติที่ออกแบบมาเพื่อทนต่อสภาพแวดล้อมที่เหล็กมักจะสัมผัส เช่น ความทนทานต่อสนิม หรือการกัดกร่อน และมีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ

แล็กเกอร์เคลือบโลหะ

การใช้แล็กเกอร์เคลือบโลหะส่วนใหญ่แล้วมักจะเคลือบที่แผ่นอะลูมิเนียม ก่อนที่จะนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กระป๋องบรรจุอาหาร กระป๋องน้ำอัดลม เป็นต้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสนิม และช่วยป้องกันไม่ให้โลหะถูกกัดกร่อนจากสารต่างๆ 

แล็กเกอร์เคลือบพลาสติก

แล็กเกอร์เคลือบพลาสติกจะมีส่วนผสมที่สามารถยึดเกาะกับพลาสติกได้ดี มีความยืดหยุ่นสูงเพื่อป้องกันการแตกร้าว เนื่องจากพลาสติกมักจะมีการขยาย และหดตัวตามอุณหภูมิ แล็กเกอร์ประเภทนี้จึงมีคุณสมบัติพิเศษเพื่อทนต่อการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่อาจเกิดขึ้นกับพลาสติก

แล็กเกอร์เคลือบกระดาษและบรรจุภัณฑ์

แล็กเกอร์เคลือบกระดาษ และบรรจุภัณฑ์มักถูกออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับลักษณะของกระดาษ หรือวัสดุบรรจุภัณฑ์ ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น ป้องกันความชื้น และทนต่อการเสียดสีได้ดี 

สรุป

แล็กเกอร์เป็นสารเคลือบผิวที่หลากหลาย มีหลายชนิด จึงใช้ได้กับหลายวัสดุ ซึ่งวัสดุที่เคลือบด้วยแล็กเกอร์จะเป็นไม้ซะส่วนใหญ่ การใช้แล็กเกอร์เคลือบผิววัสดุนั้นก็เพื่อให้ผิวไม้หรือผิววัสดุใดๆ ก็ตามขึ้นเงาสวยงาม ซึ่งแล็กเกอร์ที่ใช้นั้นจะมีทั้งชนิดเงา และชนิดด้าน แต่ไม่ว่าจะใช้ชนิดไหน ก็ต้องเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน อีกทั้งผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก็ต้องมีคุณภาพ สามารถเคลือบวัสดุได้อย่างซึมลึก ป้องกันการหลุดลอก และควรเลือกใช้แล็กเกอร์เคลือบไม้ที่สามารถกันน้ำ กันเชื้อรา และป้องกันโอกาสการเกิดรอยขีดข่วน เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์ หรือวัสดุที่เราทาเคลือบด้วยแล็กเกอร์นั้นสามารถคงความสวยงามของพื้นผิวไว้ได้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1. แล็กเกอร์เคลือบเหล็กได้หรือไม่?

แล็กเกอร์เคลือบเหล็ก และแล็กเกอร์เคลือบโลหะอื่นๆ อาจมีความแตกต่างกันในบางแง่มุม ตามคุณสมบัติ และการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงกับแต่ละชนิดของโลหะ:

คุณสมบัติเฉพาะตามชนิดของโลหะ:

  • แล็กเกอร์เคลือบเหล็ก: อาจมีส่วนผสม หรือคุณสมบัติที่ออกแบบมาเพื่อทนต่อสภาพแวดล้อมที่เหล็กมักจะสัมผัส เช่น ความทนทานต่อสนิม หรือการกัดกร่อน และมีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ
  • แล็กเกอร์เคลือบโลหะอื่นๆ: เช่น อะลูมิเนียม หรือทองแดง อาจมีคุณสมบัติที่เน้นที่ความทนทานต่อปฏิกิริยาเคมี หรือการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่แตกต่างกัน ตามความต้องการในการป้องกัน และคุณลักษณะเฉพาะของแต่ละชนิดของโลหะ

การใช้งานและผลลัพธ์ที่ต้องการ:

  • แต่ละชนิดของแล็กเกอร์อาจถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของวัสดุโลหะนั้นๆ โดยเฉพาะความต้านทานต่อสารเคมี ความร้อน หรือการกัดกร่อน

การเลือกแล็กเกอร์ที่เหมาะสมกับชนิดของโลหะจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ และเหมาะสมกับคุณสมบัติของโลหะนั้นๆ

2. ก่อนใช้งานแล็กเกอร์ทาไม้ ต้องผสมส่วนผสมอื่นด้วยหรือไม่

แล็กเกอร์เป็นสารเคลือบผิวที่มีความข้นแต่ระเหย และแห้งได้ไว หากนำไปใช้งานทันทีจะทำให้ทายาก และเกิดรอยแปรงได้ง่าย เมื่อจะนำมาใช้งานจึงต้องผสมกับทินเนอร์งานไม้เพื่อเจือจางก่อน จะช่วยให้ทาได้ง่าย และแล็กเกอร์จะซึมลงในผิวไม้ได้ดียิ่งขึ้น โดยชนิดของทินเนอร์สำหรับเจือจางแล็กเกอร์เคลือบไม้นั้น ควรใช้ TOA แล็กเกอร์ทินเนอร์ เบอร์ 71 และสามารถดูอัตราส่วนผสมได้ที่ฉลากข้างผลิตภัณฑ์

3. แล็กเกอร์ทาไม้อันตรายหรือไม่?

การใช้งานแล็กเกอร์ในการทาไม้เป็นงานที่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง และความใส่ใจ ดังนั้น การทราบถึงข้อควรระวังต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด:

  1. การใช้ในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี: แล็กเกอร์มีกลิ่นแรง และอาจปล่อยสารที่อาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้น ควรใช้งานในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศที่ดี และหลีกเลี่ยงการใช้งานในพื้นที่ปิดทึบ
  2. การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน: สวมใส่หน้ากากป้องกันกลิ่น และแว่นตานิรภัยเพื่อป้องกันการหายใจเอาสารเคมีเข้าไป และป้องกันสารเคมีไม่ให้เข้าตา
  3. การเก็บรักษาที่เหมาะสม: แล็กเกอร์ควรเก็บในที่ที่เย็น และแห้ง หลีกเลี่ยงการเก็บใกล้แหล่งความร้อนหรือแสงแดดโดยตรง เนื่องจากจะทำให้สารเคมีในแล็กเกอร์เปลี่ยนแปลงได้
  4. การทิ้งของเสียอย่างถูกต้อง: หลังจากใช้งานแล็กเกอร์เสร็จ ควรทิ้งของเสียอย่างถูกวิธีตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม

4. แล็กเกอร์ กับยูรีเทนต่างกันอย่างไร?

แล็กเกอร์ มักมีส่วนประกอบของสารระเหยที่ทำให้แห้งเร็ว ใช้งานได้กับวัสดุหลายประเภท เช่น ไม้ โลหะ เป็นต้น โดยเน้นที่ความเงางาม และความเร็วในการแห้งว

ส่วนยูรีเทน ให้ฟิล์มที่มีความหนา และทนทานกว่า อาจมีระยะเวลาแห้งที่ช้ากว่าแล็กเกอร์ แต่มีความคงทน และทนต่อการขีดข่วนได้ดีกว่า

โดยส่วนใหญ่ ยูรีเทนมักจะนำมาใช้เคลือบพื้นไม้ที่อาจต้องมีการเหยียบย่ำ สัญจร ส่วนแล็กเกอร์จะใช้กับกลุ่มงานพวกเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ไม้ เป็นต้น


22809 Views